รถชนหนัก ซ่อมไม่คุ้ม แถมยังผ่อนไม่หมด ทำอย่างไรดี??

บางคนก็บอกว่าถ้า รถชน หนักมา ให้นำรถเข้าซ่อมศูนย์เลย จะได้ไม่ต้องผ่อนกุญแจให้กับทางไฟแนนซ์ แต่บางกลุ่มก็บอกว่า ขอคืนทุนประกันดีกว่า มันอาจจะขาดทุน แต่มันไม่ทำให้เสียเวลาและเสียอารมณ์ ซึ่งคุณก็ชักจะเริ่มสับสนแล้วใช่ไหมล่ะว่า จะเอาอย่างไรดีถ้าเกิดอุบัติเหตุ รถชน หนักขึ้นมา ควรจะนำรถเข้าซ่อมดี หรือขอคืนทุนประกันดี

การซื้อรถยนต์ถือว่าเป็นหนี้ที่หนักพอตัว (สำหรับใครบางคน) แต่รถยนต์ก็เป็นยานพาหนะที่ทำให้เราเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกสบาย ไม่ต้องขึ้นรถเมล์ ซ้อนท้ายวิน ลงเรือ โบกรถตู้ แถมไม่ต้องกลัวแท็กซี่ปฏิเสธอีกต่างหาก แต่การขับรถยนต์ก็ต้องนึกถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาละก็…ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือรถยนต์ต่างก็ได้รับความเสียหายแน่นอนไม่มากก็น้อย

ข้อดีของการคืนทุนประกัน ในกรณีที่ รถชน หนักนั่นก็คือ

1. คุณไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับงานซ่อม เพราะซ่อมอย่างไรก็ไม่เหมือนเดิม 100% เต็มแน่นอนจบเร็วกว่าซ่อม
2. ** แต่ข้อเสียของการคืนทุนประกัน นั่นก็คือ ขาดทุนนั่นเอง เช่น ถ้าทุนประกัน 520,000 แต่ทางศูนย์ซ่อมรถยนต์ต้องตีราคาในการ ซ่อมรถ เกิน 70% คือ 364,000 บาท แต่ทางบริษัทประกันจะไม่จัดซ่อมแต่จะคืนเงินประกันเต็มวงเงิน 520,000 คุณก็สามารถเอาเงินตัวนี้ไปปิดไฟแนนซ์ได้ แต่จะขาดทุนไม่มากก็น้อย (ถ้าคุณยอมรับมันได้) ในทางกลับกัน ถ้าคุณนำ รถชนหนัก เข้าศูนย์ซ่อมโดยที่ไม่ขอคืนทุนประกัน ควรที่จะบอกกับประกันว่าขอเปลี่ยนเป็นอะไหล่แท้ทั้งหมด โดยที่ไม่เคาะ ไม่ตัด หรือซ่อมเด็ดขาด (ถ้าเจรจาได้) แต่ต้องบอกก่อนว่าซ่อมแล้วอาจจะไม่เหมือนเดิม หรือไม่ 100% (เช่นกันคุณต้องยอมรับมันได้)

ในทางกลับกัน ถ้าคุณนำรถที่ชนหนักเข้าศูนย์ซ่อมโดยที่ไม่ขอคืนทุนประกัน ควรที่จะบอกกับประกันว่าขอเปลี่ยนเป็นอะไหล่แท้ทั้งหมด โดยที่ไม่เคาะ ไม่ตัด หรือซ่อมเด็ดขาด (ถ้าเจรจาได้) แต่ต้องบอกก่อนว่าซ่อมแล้วอาจจะไม่เหมือนเดิม หรือไม่ 100% (เช่นกันคุณต้องยอมรับมันได้)

สำหรับใครที่เกิดเหตุการณ์ รถชน หนักมา คิดคำนวณค่า ซ่อมรถ แล้วก็ไม่คุ้ม แถม ผ่อนรถ ก็ยังไม่หมดอีกต่างหาก บทความนี้อาจจะให้ความรู้ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้อยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อคุณได้เข้าไปอยู่หลังพวงมาลัยแล้ว ควรที่จะขับรถไม่ประมาท ขับอย่างปลอดภัย และมีสติทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตก็เป็นได้

ที่มา auto.mthai.com/news/tips/45707.html